วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

MCU: บทที่1 ปฐมบทแห่งอัญมณีพลัง

บทที่1 ปฐมบทแห่งอัญมณีพลัง


ก่อนกาลก่อเกิดสรรพสิ่ง มีเอกภาวะอยู่ 6 ชนิด หลังการระเบิดของเอกภาวะ จักรวาลก็อุบัติขึ้น เศษชิ้นส่วนของเอกภาวะชนิดต่างๆกลับมาหลอมรวมอัดกัน เป็นอัญมณีหนาแน่นสูง 6 ชิ้น เรียกขานว่า" อินฟินีตี้สโตน" (Infinity Stone) อัญมณีพลังทั้ง 6 มีดังนี้

(Reality Stone=เปลี่ยนแปลงความจริง)
(Mind Stone=ควบคุมจิตใจ)
(Space Stone=เดินทางข้ามจักรวาล)
(Power Stone=ระเบิดจักรวาล)
(Soul Stone=ควบคุมความเป็นความตาย)
(Time Stone=ควบคุมมิติเวลา)


อัญมณีพลังทั้งหมดนั้น กระจัดกระจายไปทั่วจักรวาล มีเพียงสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังสูงส่งจึงสามารถควบคุมอัญมณีพลังเหล่านี้ได้...
และนานแสนนาน..ก่อนการกำเนิดแห่งแสง จักรวาลมีแต่ความมืดมิด และจากความมืดมิด ก็ให้กำเนิด"Dark Elf" (ดาร์คเอลฟ์) เมื่อหลายพันปีที่แล้ว ดาร์คเอลฟ์นาม "มาลาคิธ" ผู้มีความโหดเหี้ยมทะเยอทะยาน ได้ค้นพบหนทางเปลี่ยนจักรวาลให้กลับไปมืดมิดอีกครั้ง โดยใช้อัญมณีขุมพลังดึกดำบรรพ์ที่ชื่อ "Aether" (อีเธอร์)ซึ่งมีพลังเปลี่ยนแปลงความจริง


(อีเธอร์ คือ Reality Stone 1ใน Infinity Stone)



มาลาคิธจะใช้อีเธอร์เปลี่ยนจักรวาลให้กลับไปมืดมิดอีกครั้ง จากการเรียงตัวของหมู่ดาว 9 อาณาจักรแห่งจักรวาลในรอบพันปี มาลาคิธได้นำอีเธอร์ไปยังจุดที่ดาวเรียงกันและส่งพลังสูงที่สุด แต่ราชา"บอร์"บิดาแห่งโอดิน กษัตริย์แห่งแอสการ์ด(Asgard) นำทัพทำการขัดขวางมาลาคิธ ชิงอีเธอร์มาได้ และสังหารดาร์คเอลฟ์ไปมากมาย มาลาคิธหนีไปซ่อนตัวอยู่ในความมืดที่สะวาทามไฮม์ 1 ใน 9 อาณาจักร รอเวลาจะกลับมาอีกครั้ง ราชาบอร์รู้ว่าอีเธอร์คือขุมพลังที่ไม่สามารถทำลายได้ จึงนำอีเธอร์ไปซ่อนเร้นไว้ในมิติที่ไกลแสนไกล..


ต่อมา ราชาบอร์สละบัญลังค์ให้บุตรโอดิน โอดินขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งแอสการ์ดครองคู่กับราชินีฟลิกก้า ราชินีฟลิกก้าให้กำเนิดบุตรชาย และให้ชื่อว่า "ธอร์" ราชาโอดินมอบฆ้อนโยเนีย "Mjolnir" ให้ธอร์ และไม่มีใครสามารถใช้หรือยกฆ้อนโยเนียนี้ได้นอกจากโอดินและธอร์ ราชินีฟลิกก้าให้ความสามารถธอร์คือพละกำลังและความกล้าหาญ..

และอีกมุมหนึ่ง ณ จักรวาลอันไกลโพ้น จักรวรรดิ์"ครี" (Kree) ซึ่งอาศัยอยู่ดาวฮาล่า (Hala) ทำการรุกรานอารยธรรมซานเดอเรี่ยนบนดวงดาวซานด้าร์ (Xandar) และสู้รบทำสงครามกันยาวนานเป็นพันปี ผมคือต่างฝ่ายล้มตายไปมากมาย ชาวครีและชาวซานเดอเรี่ยนเกือบสูญสิ้น
ชาวครีที่กระหายสงคราม ได้เดินทางมายังโลก และทดลองเพาะพันธุ์สิ่งมีชีวิตทรงพลังสูง เพื่อนำมาเป็น Kree Slave Warriors และนำไปรุกรานอารธรรมดาวอื่น โดยใช้มนุษย์ผู้มีDNAที่คัดสรรค์แล้วโดยแท่ง"ดีไวเนอร์" (Diviner) ชาวครีได้สร้างวิหารลึกลับไว้บนโลก (Kree Temple) สร้างไว้เพื่อกระบวนการปลุกพลังของผู้ถูกเลือก หรือ Terrigenesis






ชาวครีทิ้งดีไวเนอร์ไว้แล้วจากโลกไป เพราะชาวครีนั้นคิดว่าการทดลองของตนไม่สำเร็จที่โลก อีกทั้งยังถูกต่อต้านจากครีที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้ จึงทิ้งทุกอย่างไว้และจากไปตั้งแต่นั้น มนุษย์ที่ถูกคัดสรรหรือเป็น "อินฮิวแมน"เต็มตัวแล้ว ต่างเก็บงำพลังของพวกตัวเองไว้ และไม่เข้าไปในวิหารศักสิทธิ์ของครีอีกเลย เหล่าอินฮิวแมนเรียกชาวครีว่า ทูตสวรรค์ผู้มาเยือนอันมีร่างกายสีฟ้า และชาวครีไม่ได้รู้เลยว่าได้สร้างสิ่งที่ทรงพลังไว้ในโลกมนุษย์ได้สำเร็จ..

ผ่านมาอีกนับพันปี.. โลกอดีตบรรพกาลในปี ค.ศ. 965 ครานั้น ยักษ์น้ำแข็งแห่งโยธันไฮม์ 1 ใน 9 อาณาจักรแห่งจักรวาล ได้บุกรุกโลกมนุษย์เพื่อหวังยึดครอง เหล่ายักษ์น้ำแข็งใช้อัญมณีขุมพลังดึกดำบรรพ์นามว่า "Tesseract" (แทซเซอแร๊ค) นำกองทัพเดินทางข้ามจักรวาล

(แทซเซอแร๊ค คือ Space Stone 1ใน Infinity Stone)



แทซเซอแร๊คมีพลังย้ายมวลสารข้ามจักรวาลได้ สถานที่ที่เหล่ายักษ์น้ำแข็งได้ลงมายังโลกนั้นคือ ทอร์นสเบิร์ก ประเทศนอร์เวย์ในปัจุบัน ยักษ์น้ำแข็งใช้หีบศักสิทธิ์ (Casket of Ancient Winters) คร่าชีวิตมนุษย์มากมายในตอนนั้น แต่ชาวแอสกาเดี้ยนนำทัพโดย"โอดิน" กษัตริย์แห่งแอสการ์ด ได้นำทัพนักรบชาวแอสกาเดี้ยนเดินทางข้ามจักรวาลโดยสะพานไบฟรอสท์มายังโลก "Bifrost Bridge" (วิธีเดินทางชาวแอสการ์ด) เพราะโลกของพวกมนุษย์อยู่ในความคุ้มกันของพวกเขา ชาวแอสกาเดี้ยนเรียกขานโลกว่า มิดการ์ด เป็น 1 ใน 9 อาณาจักรแห่งจักรวาลที่ชาวแอสกาเดี้ยนต้องพิทักษ์ ตามคำสั่งของเหล่าทวยเทพ(เทพของชาวแอสกาเดี้ยนอีกที) กองทัพชาวแอสกาเดี้ยนมาช่วยสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่ชาวมนุษย์ ขับไล่เหล่ายักษ์น้ำแข็งกลับไปโยธันไฮม์ได้ และยึดแทซเซอแร๊คไว้ได้ด้วย
การปรากฏตัวของชาวแอสกาเดี้ยนครั้งนั้น ทำให้มนุษย์ได้ตระหนักว่า มนุษย์มิได้อยู่เพียงลำพังในจักรวาล เนื่องด้วยสติปัญญา/พละกำลัง/และเทคโนโลยีของชาวแอสกาเดี้ยน ทำให้มนุษ์มิอาจมองเสมอเหมือนตน กลับยกให้เป็นเทพเจ้าของพวกเขา โอดินทำการซ่อนแทซเซอแร๊คไว้กับเหล่ามนุษย์ที่ทอร์นสเบิร์กในครั้งนั้น เพื่อหวังให้พ้นจากเผ่าพันธุ์ชั่วร้ายในจักรวาลที่หวังจะใช้ขุมพลังนี้เพื่อรุกรานเผ่าพันธุ์อื่น
โอดินตามเหล่ายักษ์น้ำแข็งไปที่โยธันไฮม์เพื่อหวังจะกำจัดให้สิ้นซาก โอดินทำการจับกุม "ลอฟฟี่" ราชาแห่งอาณาจักรโยธันไฮม์ไว้ได้ เมื่อเหล่ายักษ์น้ำแข็งพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง กษัตริย์โอดินจึงมีความปราณี ไว้ชีวิตลอฟฟี่ และ เหล่ายักษ์น้ำแข็งที่เหลือ (โอดินเสียดวงตาข้างขวาไปในศึกนี้)



โดยลอฟฟี่และโอดินมีข้อตกลงกันว่าห้ามยักษ์น้ำแข็งรุกรานใครอีก รวมถึงชาวแอสกาเดี้ยนก็จะไม่รุกรานโยธันไฮม์เช่นกัน โอดินยึดหีบศักสิทธิ์ไว้ด้วย และนำกลับไปไว้ในคลังอาวุธวังแอสการ์ด

ขณะกำลังบุกวังแห่งยักษ์น้ำแข็ง โอดินได้พบกับทารกน้อยผู้มีรูปร่างคล้ายตน มิเหมือนเหล่ายักษ์น้ำแข็งทั่วไป ถูกทิ้งให้เกือบตาย โอดินจึงเก็บมาเลี้ยงไว้เสมือนลูก ตั้งชื่อให้นามว่า โลกิ ราชินีฟลิกก้าแห่งแอสการ์ด ได้มอบพลังสร้างมายาแก่บุตรบุญธรรมโลกิด้วย ธอร์และโลกิจึงเติบโตมาด้วยกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ



ปี ค.ศ.1546 เรื่องราวของทั้งหมดของแอสการ์ด ถูกถ่ายทอดโดยแอสกาเดี้ยนวอริเออร์ที่มิยอมกลับแอสการ์ด ชาวแอสกาเดี้ยนผู้นี้เล่าเรื่องราวเผ่าพันธ์ของตนให้คนรักที่เป็นสาวชาวรั่งเศสฟัง และนางไปเล่าให้นักบวชซึ่งเป็นพี่ชายของนางฟังอีกที นักบวชผู้นั้นจึงบันทึกเรื่องราวนี้ไว้ ยกย่องเหล่าราชวงศ์แอสการ์ดให้เป็นเทพเจ้ายุโรปทางเหนือ มีผู้คนเชื่อถือบูชาให้เป็นเทพเจ้าแห่งชาวไวกิ้ง(นอร์เวย์) ตั้งแต่นั้นสืบมา..


ปี คศ. 1942 ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 2 กำลังประทุ กองทัพนาซีนำโดยฮิตเลอร์ ได้นำกองกำลังเยอรมันและฝ่ายอักษะรุกรานประเทศแถบยุโรปอย่างหนัก และมีหน่วยรบที่แข็งแกร่งของนาซีนามว่า Hydra "ไฮดร้า" นำโดย "ผู้พันโยฮัน ชมิธ" ผู้ซึ่งสนใจในพลังแห่งตำนานเหล่าเทพเจ้าโบราณกาล ผู้พันชมิธได้เกณฑ์นักวิทยาศาสตร์ที่เก่งกาจซึ่งนำโดย"ดร.โซล่า" มาสร้างอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ล้ำสมัยและทรงอาณุภาพเพื่อสู้รบกับฝ่ายพัธมิตรและอเมริกา แต่ผู้พันชมิธไม่พอใจเพียงแค่นั้น

"ดร.เอิลสกิน"นั้นได้ผลิตเซรั่มที่ทำให้มนุษย์นั้นมีความสามารถเกินขีดจำกัด หรือ เหนือมนุษย์นั่นเอง สูตรเซรั่มนี้เป็นที่หมายปองของชมิธเป็นอย่างมาก ชมิธนั้นบังคับให้ดร.เอิลสกินผลิตเซรั่มเหนือมนุษย์ให้แก่ตน

ดร.เอิลสกินนั้นรู้อยู่เต็มอกว่าสูตรเซรั่มนี้ยังไม่สมบูรณ์ แต่ชมิธก็ยังดื้อดึงฉีดมันเข้าไป ผลปรากฎว่าร่างกายแข็งแกร่งขึ้นก็จริง แต่ก็แลกกับผลข้างเคียงที่ทำให้บริเวณทั่วกะโหลกนั้นโดนเซรุ่มแผดเผาผมร่วงและผิวหนังกลายเป็นสีแดง ชมิธจึงถูกเรียกขานจากนายทหารนาซีด้วยกันว่า "เร้ดสกัลล์" (Redskull)

ผู้พันชมิธใช้จิตรกรมีฝีมือแต่งหน้ากากหนังที่ปกคลุมใบหน้าให้เหมือนคนเดิม และเริ่มตามหาแหล่งขุมพลังเหล่าเทพเจ้าในตำนานต่างๆทั่วยุโรป จนมาถึง เมืองทอร์นสเบิร์ก ประเทศนอร์เวย์ ผู้พันชมิธได้ค้นพบแทซเซอแร๊คซึ่งซ่อนไว้ภายในวัดที่นี่ ผู้พันชมิธจึงนำแทซเซอแร็คไปวิจัยร่วมกับ "ดร.โซล่า" และควบคุมพลังงานแทซเซอแร๊คได้ระดับนึง ซึ่งเพียงแค่นี้ก็สร้างอาวุธมหาประลัยได้แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ขอบเขตหรือพลังที่แท้จริง



ด้าน ดร.เอิลสกิน หลังจากลี้ภัยมาอยู่กองทัพสหรัฐ ก็ยังทำการวิจัยเซรุ่มเหนือมนุษย์นี้ต่อ เพื่อสร้างสุดยอดทหารในหน่วยวิทยาศาสตร์แห่งกองยุทโธประการกองหนุนแห่งสหรัฐ หรือ หน่วย SSR หน่วยนี้มีหน้าที่สร้างอาวุธที่สามารถต่อกรกับหน่วยไฮดร้าของเยอรมันโดยเฉพาะ หัวหน้าหน่วยคือ"ผู้พันฟิลิป" และ "เอเจนท์คาร์เตอร์" ทำงานด้านข่าวกรอง มีโอกาสร่วมงานกับ"ฮาเวิร์ด สตาร์ค" วิศกรอัจฉริยะอันดับ1ของสหรัฐ เจ้าของบริษัทสตาร์คอินดรัสทรีส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาวุธให้กับกองทัพสหรัฐ หน่วย SSR เชิญฮาเวิร์ดมาเป็นที่ปรึกษาขั้นสูง ทั้งสี่คนจึงร่วมกันก่อตั้งโครงการ "รีเบิร์ธ"กันขึ้นมา เพื่อหวังสร้างสุดยอดทหาร


ดร.เอิลสกินทำการวิจัยข้อมูลจนสำเร็จ โดยใช้ไครโอซิงค์ที่ฮาเวิร์ดผลิต บรรจุเซรุ่มของเขาเพื่ออาบผิวนอกผู้ทดลอง และใช้เซรุ่มอีกส่วนฉีดเข้าด้านในร่างกายผู้ทดลอง ดร.เอิลสกิน อยากได้คนที่คู่ควร เพราะพลังนี้มหาศาล ต้องได้คนที่จิตใจดีควรค่าสมกับเป็นเจ้าของพลังวิเศษนี้ เพื่อจะได้ไม่นำพลังนี้ไปใช้ในทางเลวร้ายนั่นเอง จึงทำการเริ่มเฟ้นหาทหารคนแรกในโครงการรีเบิร์ท ด้านผู้พันชมิธสืบรู้แล้วว่าดร.เอิลสไต์อยู่ที่อเมริกา จึงให้สายลับไฮดร้าติดตามดร.เอิลสกินไม่ให้คลาดสายตา และฆ่าทันทีที่มีโอกาส

ปี ค.ศ. 1943 "สตีฟ โรเจอร์" ผู้ชายร่างเล็ก ผู้ไม่เคยยอมให้ใครรังแก จิตใจดี สู้ไม่ถอย มีเพื่อนรักตั้งแต่วัยเด็กคือ "บัคกี้ บาร์น" ซึ่งบัคกี้ติดทหารแล้ว อยู่หน่วยรบ 107 สตีฟอยากเป็นทหารรับใช้ชาติ สมัครทหารหลายครั้งก็ไม่สำเร็จ

จนวันนึง ดร.เอิลสกินได้พบสตีฟมาสมัครทหารและถูกปฎิเสธอีกครั้ง เห็นความมุ่งมั่นและทัศนะคติของสตีฟแล้ว จึงตัดสินใจว่าสตีฟนี่ละ เหมาะสมกับสุดยอดทหารคนแรกในโครงการรีเบิร์ธ เอเจ้นท์คาเตอร์ก็เห็นแววผู้นำและความเด็ดเดี่ยวของสตีพเช่นกัน เมื่อการทดลองเสร็จสมบูรณ์ สตีฟได้กลายเป็นสุดยอดทหารในโครงการรีเบิร์ธคนแรก แต่ดร.เอิลสกินกลับถูกลอบสังหารโดยสายลับของไฮดร้า เมื่อไม่มี ดร.เอิลสกิน จึงไม่มีใครสามารถผลิตสุดยอดทหารได้อีกเลยนับแต่นั้น โครงการรีเบิร์ธจึงถูกยุบไป


ด้านสตีฟถูกแต่งตั้งให้เป็น"กัปตันอเมริกา" หน้าที่คือโฆษณาปลุกใจอเมริกันชนให้รักชาติ ชาวอเมริกันรักสตีฟ แต่ทหารส่วนใหญ่ไม่ชอบกัปตันอเมริกา เนื่องด้วยวันๆเอาแต่โชว์ตัว ไม่เคยออกรบ ผู้พันฟิลิปก็ไม่เชื่อถือสตีฟว่าจะรบเป็น แต่เอเจ้นท์คาเตอร์หรือเพกกี้ ก็เชื่อมั่นในตัวสตีฟเสมอ จนวันนึงสตีฟได้ข่าวว่าหน่วยรบ 107 ของบัคกี้เพื่อนรัก ถูกจับเป็นเชลยที่ค่ายไฮดร้า ฮาเวิร์ดและเพกกี้จึงช่วยสตีฟลอบเข้าเขตที่เยอรมันยึดครอง






สตีฟไปช่วยหน่วยรบ 107 ได้ทั้งหน่วย สตีฟพบบัคกี้กำลังถูก ดร.โซล่าล้างสมอง เพื่อสร้างสุดยอดนักฆ่าที่สั่งได้ทุกอย่าง แต่สตีฟไปช่วยไว้ทัน ผู้พันชมิธเห้นว่าคงจะต้านสตีฟไไว้ไม่อยู่ จึงกดปุ่มระเบิดเวลาถอยหลังเพื่อทำลายฐานทัพทิ้งทันที สตีฟและผู้พันชมิธปะทะกันเป็นครั้งแรก ด.ร.โซล่าเห็นว่าการสู้คงยืดเยื้อกลัวจะหนีไม่ทันระเบิด จึงสับสวิทย์แยกสะพานที่ทั้งคู่สู้กันอยู่ ต่างฝ่ายจึงต่างแยกกันหนีระเบิดไป ตั้งแต่นั้นผู้พันชมิธก็เปิดเผยความเป็นเร้ดสกัลล์เต็มตัว สตีฟนำพาทั้งหน่วย 107 กลับค่ายได้สำเร็จ


หลังจากนั้น สตีฟ โรเจอร์ หรือกัปตันอเมริกา ก็ได้รับการยอมรับจากเพื่อนทหารและผู้พันฟิลิป กัปตันโรเจอร์ได้ก่อตั้งหน่วยฮาวลิ่งคอมมานโดซึ่งเป็นหน่วยจู่โจมลับของ SSR เพื่อทำลายฐานไฮดร้าโดยเฉพาะ ในทีมมีบัคกี้ด้วย ตลอดสามปีภาระกิจต่างๆที่หน่วยฮาวลิ่งคอมมานโดบุกฐานไฮดร้าถูกถ่ายทอดให้อเมริกันชนได้ชมตลอด ชาวอเมริกันยกย่องให้กัปตันโรเจอร์เป็นฮีโร่วีรบุรษสงคราม..
เร้ดสกัลล์แค้นใจมาก สั่งให้ ดร.โซล่าวางแผนล่อทีมฮาวลิ่งคอมมาโดไปติดกับบนรถไฟที่กำลังวิ่งเลาะหน้าผา กัปตันโรเจอร์และบัคกี้พลาด บัคกี้ถูกเล่นงานจนเสียหลักตกหน้าผาไป




ในที่สุดทีมฮาวลิ่งคอมมานโดก็จับตัว ดร.โซล่าได้สำเร็จ กัปตันโรเจอร์คิดว่าบัคกี้ตายแล้ว แต่ที่จริงบัคกี้ไม่ตาย และแขนขาด ไฮดร้าจับบัคกี้ไปล้างสมองอีกครั้ง และนำบัคกี้เข้าโปรเจคCybernetic ซึ่งเป็นโครงการเกี่ยวกับอวัยวะเทียมที่เป็นอาวุธ เพือใส่แขนเหล็กกลให้บัคกี้ และทำการทดลองสร้างสุดยอดนักฆ่าต่อไป

กัปตันโรเจอร์บุกฐานที่มั่นสุดท้ายของไฮดร้าซึ่งเป็นฐานบัญชาการสูงสุดบนเทอกเขาเอลฟ์ กัปตันโรเจอร์ถล่มฐานได้สำเร็จ เร้ดสกัลล์นำแทซเซอแร๊คหนีไปขึ้นเครื่องบินรบวัลคีรี่ และขับออกไปพร้อมระเบิดทำลายล้างสูง หวังถล่มอเมริกา กัปตันโรเจอร์ตามขึ้นเครื่องบินทัน ระหว่างที่ทั้งสองสู้กันนั้น แทซเซอแร๊คได้หลุดออกมาจากสิ่งบรรจุ เร้ดสกัลล์จับแทซเซอแร๊คและโดนดูดไปที่ใดที่หนึ่งในจักรวาล(ยังไม่ตายนะเอ้อ)

แทซเซอแร๊คหลุดมือเร้ดสกัลล์และหลอมพื้นเครื่องบินหล่นลงในทะเลน้ำแข็งบริเวณเขตอาร์คติค เนื่องจากกัปตันโรเจอร์ขับเครื่องบินรบล้ำสมัยนี้ไม่ได้ อีกทั้งเร็วมาก อีกไม่กี่อึดใจก็ถึงอเมริกาแล้ว สตีฟจึงตัดสินใจบังคับเครื่องลงทะเลน้ำแข็งเช่นกัน กองทัพและฮาเวิร์ดออกทำการค้นหา พบเพียงแทซเซอแร๊ค ทุกคนรวมถึงเพกกี้คิดว่าสตีฟตาย แต่สตีฟไม่ตาย และถูกแช่แข็งในทะเลน้ำแข็งเขตอาร์คติคอยู่ในภาวะจำศีล..


สงครามจบลง เยอรมันพ่ายแพ้ หน่วยSSRตามจับนายทหารระดับสูงของไฮดร้าไว้ได้หลายคน กัปตันอเมริกากลายเป็นตำนานวีรบุรุษของชาติ เพกกี้นำหน่วยฮาวลิ่งคอมมาโดเข้าทำลายฐานทัพย่อยต่างของไฮดร้าทั่วยุโรป จนกระทั่งมาถึงประเทศออสเตรีย เพกกี้จึงพบกับดีไวเนอร์และ"Jiaying" ซึ่งเจียหยิงถูกไรฮาร์ตนายทหารและนักวิทยาศาสตร์ของไฮดร้าจับไว้ (ไรฮาร์ตนั้นเรียกดีไวเนอร์ว่าโอเบลิสก์ ซึ่งแปลว่าเสาเหล็กแหลมสูง เพราะไรฮาร์ตไม่รู้ว่าจะเรียกมันว่าอะไร)



ไรฮาร์ตจับคนในหมู่บ้านแห่งนั้นมาสัมผัสกับดีไวเนอร์ แต่ก็กลายเป็นหินตายกันหมด ยกเว้นเพียงเจียหยิง ที่สัมผัสกับโอเบลิสท์แล้วไม่เป็นอะไร (หน้าตาของเธอดูเหมือนเซอไพรซ์อยู่นะครับ เป็นไปได้ว่าเจียหยิงตอนนั้นก็ไม่รู้ตัวว่าตนเองคืออินฮิวแมน) เรื่องราวของอินฮิวแมนจึงเปิดเผยขึ้นอีกครั้งหลังจากเวลาล่วงมานับพันปี แต่ก็ยังไม่มีใครรู้ความหมายของดีไวเนอร์อยู่ดี ไรฮาร์ตนั้นกำลังจะจับเจียหยิงผ่าวิจัย แต่เพกกี้บุกมาจับไรฮาร์ตซะก่อน และเพกกี้ก็ปล่อยเจียหยิงไป โดยที่ไม่รู้ว่าเจียหยิงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา

ไรฮาร์ตถูกจับไปขังลืมไว้ในคุก The rat ของหน่วย SSR แต่ไรฮาร์ตก็ยังฝังใจที่จะผ่าวิจัยร่างกายเจียหยิงอยู่ดี ว่าเหตุใดจึงไม่เกิดขึ้นอะไรกับเธอตอนจับดีไวเนอร์และเพกกี้ก็เอาดีไวเนอร์ไปเก็บไว้ในฐานลับ โดยระบุเป็นรหัส #084 ซึ่งหมายความว่าเป็นวัตถุที่ระบุที่มาไม่ได้และอันตรายมากนั่นเอง



ปี 1946 หลังจากสงครามจบลง หน่วย SSR ก็กลับไปขึ้นตรงกับรัฐบาลสหรัฐฯไม่ใช่ทางทหารอีกต่อไป เพกกี้นั้นไม่กลับอังกฤษแต่ยินดีทำงานด้านข่าวกรองกับหน่วย SSR ตามเดิม เมื่อไม่ใช่ของทหาร เพกกี้ก็โดนลดบทบาทลงเป็นแค่เพียงเจ้าหน้าที่ธรรมดาในหน่วย SSR เท่านั้น แต่เมื่อมีเหตุการณ์ที่เพื่อนเก่าอย่างฮาเวิร์ดโดนข้อหาขายชาติโดยทำการขายอาวุธให้ผู้ก่อการร้าย เพกกี้จึงได้รับการติดต่อจากฮาเวิร์ดให้ช่วยเหลือ โดยฮาเวิร์ดได้ให้ " Jarvis "อดีตนักบินทหารซึ่งเป็นพ่อบ้านของเค้าคอยช่วยประสานงาน



ในที่สุดเพกกี้และจาร์วิสก็ช่วยกันคลี่คลายคดีของฮาเวิร์ดได้ ซ้ำยังเปิดโปงองค์กรก่อการร้ายลับในรัสเซียคือ "เลเวียธาน" ซึ่งอยู่เบื้องหลังในเรื่องราวการกล่าวหาฮาเวิร์ดทุกอย่าง และยังจับตัว Dr. Ivchenko หัวหน้าองค์กรร้ายนี้ไว้ด้วย และนี่เป็นครั้งแรกที่เพกกี้ได้รู้จักกับโปรเจคสร้างสุดยอดจารชนมือสังหารหญิงของสหภาพโซเวียต ที่มีรหัสเรียกว่า " Black Widow " ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรเจคของเลเวียธาน


ผู้พันฟิลิป,เพกกี้,และฮาเวิร์ด ร่วมกันก่อตั้งหน่วย"ชีลด์" (S.H.I.E.L.D.) เพื่อทำหน้าที่ป้องกันการรุกรานจากสิ่งต่างๆที่คุกคามสหรัฐและโลก และยุบหน่วย SSR ลง ทั้งสิ่งของและฐานลับของ SSR จึงตกเป็นของชิลด์ด้วย ที่ตั้งหน่วยที่แรกคือที่นิวยอร์คที่เดียวกันกับที่สร้างกัปตันอเมริกานั่นเอง หน่วยชีลด์ได้เชิญนักวิทยาศาสตร์ของไฮดร้าที่ถูกจับมาเป็นเชลยสงครามมาทำงานด้วย รวมถึง ดร.โซล่า ไฮดร้าจึงเติบโตขึ้นใหม่แบบลับๆในหน่วยชีลล์นี่เอง..

ดร.โซล่าได้แอบทำการทดลองล้างสมองบัคกี้ต่อไป และด้วยโปรเจค Cybernetic ของไฮดร้า ก็ทำแขนโลหะพิเศษให้บัคกี้ ในที่สุดไฮดร้าก็สร้างสุดยอดนักฆ่าได้สำเร็จ บัคกี้จำอดีตไม่ได้ เชี่ยวชาญการต่อสู้และลอบฆ่า ไฮดร้าแช่แข็งบัคกี้ไว้ เมื่อต้องการใช้งานจึงละลายน้ำแข็งออก ไฮดร้าให้บัคกี้สร้างความวุ่นวาย ลอบสังหาร ทำให้เกิดข้อขัดแย้งและสงครามในโลกมากมาย บัคกี้กลายเป็นมือสังหารที่ดีที่สุดของไฮดร้า ในวงการสายลับเรียกบัคกี้ว่า "Winter Soldier"



ชาวครีคลั่งสงครามบางกลุ่ม ยังไม่ยอมลดละศึกกับแซนด้าร์ได้ แซนด้าร์จึงตั้งหน่วยตำรวจอวกาศที่มีเทคโนโลยีการรบและความสามารถสูง "โนวา คอร์ป" (Nova corp.) หน่วยโนวาจะคัดสรรค์ผู้มีฝีมือจากดวงดาวต่างๆมาเข้าหน่วยด้วย ไม่ใช่เฉพาะชาวแซนด้าร์เท่านั้น หน่วยโนวาทำให้เหล่าวายร้ายต่างๆในจักรวาลเริ่มขยาดและไม่กล้าปะทะตรงๆ รวมถึงชาวครีที่ยังคลั่งสงครามอยู่



ปี 1972 ดร.โซล่าก็เสียชีวิตลงด้วยโรครุมเร้าหลายชนิด แต่ด้วยวิทยาการความรู้และเทคโนโลยีของชิลด์ จึงเก็บข้อมูลมันสมองความรู้ของดร.โซล่าไว้ในระบบคอมพิวเตอร์เซิฟเวอร์หลักของชิลด์ ด้วยว่าชิลด์เสียดายความรู้ความสารถของดร.โซล่านั่นเอง แม้ร่างกายจะตายไปแต่ดร.โซล่าก็กลับเป็นอมตะในระบบสมองกลแทน และนี่ก็เป็นอีกครั้งในการตัดสินใจผิดพลาดอย่างมหันต์ของชิลด์ ที่เก็บโซล่าไว้ในเซิฟเวอร์หลัก



ปี 1975-1979 ยานอวกาศของสิ่งมีชีวิตต่างดาวไม่ทราบชื่อและเผ่าพันธุ์เกิดเสียหายระหว่างการเดินทาง และมาตกที่โลกบริเวณรัฐมิซซูรี่ เมอราดิธ ควิลล์ คือผู้พบเห็นยานอวกาศตก ต่างดาวตนนั้นเล่าเรื่องของตนเองให้เมอราดิธฟัง ปี 1980 ทั้งสองมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งจนมีลูกชื่อ "ปีเตอร์ ควิลล์" ทั้งคู่ช่วยกันซ่อมยานอวกาศจนสำเร็จ ต่างดาวตนนั้นจึงเดินทางจากไป ทิ้งลูกและเมียไว้ ต่อมาต่างดาวตนนั้นจ้าง"กลุ่มโจรสลัดอวกาศราเวนเจอร์" มีหัวหน้ากลุ่มคือ "ยอนดู อูดอนต้า" ไปนำตัวปีเตอร์ ควิลผู้เป็นลูกชายมาหาตน

ปี 1980 อดีตผู้พัน "นิค ฟิวรี่" ก็เข้าหน่วยชิลด์ ด้วยความที่นิคมีประวัติงานอันดีเยี่ยม ทั้งทักษะจากการรบที่เวียตนามในฐานะทหารกล้า และทักษะจากการจารกรรมในช่วงสงครามเย็นในฐานะซีไอเอ นิค ฟิวรี่ ก็ได้รับการติดต่อจากชิลด์ให้เข้าหน่วย โดยการแนะนำของดัมดัม ดูแกนจนท.อาวุโสของชิลด์ และเพื่อนสนิทต่างวัย (ดัมดัมดูแกนกับนิค ฟิวรี่เคยช่วยเหลือกันมาก่อนในรัสเซีย ตอนนั้นนิคอยู่ในฐานะซีไอเอ ดัมดัมอยู่ในฐานะเอเจ้นท์ชิลด์) ซึ่งขณะนั้นผู้นำหน่วยชิลด์ก็คือ " Alexander Pierce " และเพียซยังเป็นผู้นำสูงสุดของไฮดร้าหลังจากดร.โซล่าตายอีกด้วย (ตอนนั้นชิลด์ยังไม่มีตำแหน่งผู้อำนวยการหรือ ผ.อ. นะครับ เนื่องจากฟิลิป,เพกกี้,ฮาเวิร์ด ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งทั้งสามยังอยู่กันครบ) และเพียงไม่กี่ปี นิคก็ได้รับการไว้วางใจจากผู้ก่อตั้งทั้งสามและเพียซเลื่อนตำแหน่งให้เป็นถึงรองผู้นำหน่วยชิลด์


ปี 1982 ขณะที่ "ฟิล โคลสัน" ใกล้จะจบไฮสคูล ชิลด์ก็ได้ติดต่อมายังโคลสันให้เข้าร่วมศึกษาต่อในสถาบันฝึกสอนของชิลด์ ด้วยเพราะโคลสันนั้นมีทักษะและอีคิวสูงในการกลมกลืนกับสังคม ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีของสายลับนั่นเอง โดยผู้แนะนำโคลสันเข้าสถาบันก็คือนิค ฟิวรี่ โคลสันมีเพื่อนร่วสถาบันคือ จอห์น กาแร๊ต และหลังจากเรียนจบ ทั้งกาแร๊ตและโคลสันก็ได้รับการเทรนด์จากนิคด้วยตนเองทั้งคู่

ปี1983 ที่ Afterlife (ยังไม่ปรากฎว่าอยู่แห่งใดในโลก และมีมานานเท่าใดแล้ว) อาฟเตอร์ไลฟ์เป็นที่เตรียมความพร้อมและฝึกอินฮิวแมนรุ่นใหม่ๆ โดยที่ผู้ที่ได้รับถ่ายทอดDNAและผ่านการคัดสรรจากดีไวเนอร์ ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในวิหารครีอีกต่อไปในการปลุกพลัง และในรอบหลายสิบปีหรือหลายร้อยปี ถึงจะมีอินฮิวแมนเกิดขึ้น เวลานั้นไม่แน่นอน ซึ่งขณะนี้มีชายหนุ่มที่ชื่อ กอร์ดอน ได้รับการปลุกพลังจากเทอริเกนมิสแล้ว (อินฮิวแมนกลุ่มนี้รู้วิธีให้ดีไวเนอร์สร้างเทอริเกนมิสได้ โดยไม่ต้องเข้าไปในวิหารครี) เจียหยิงและยัทเซนซึ่งเป็นอินฮิวแมนรุ่นพี่ จึงมีหน้าที่แนะนำกอร์ดอนในการควบคุมพลังหลังจากเป็นอินฮิวแมน (เจียหยิงค้นพบและมาที่นี่หลังจากรู้ว่าตนเองเป็นผู้ถูกเลือกในปี 1945 พลังเธอคือไม่แก่และร่างกายฟื้นตัวได้เร็วมาก)


ปี 1987 ไฮดร้าหวังที่จะสร้างนักฆ่าที่ล้างสมองและสั่งได้เบ็ดเสร็จเพิ่มอีก หลังจากทำสำเร็จแล้วจากการทดลองบัคกี้ ซึ่งคราวนี้ไฮดร้าคิดการใหญ่ขนาดจะสร้างกองทัพเลยทีเดียว และฐานลับใหญ่นี้อยู่ในเบอร์ลินตะวันออก แต่ก็ถูกแทรกซึมและขัดขวางโดยสายลับชิลด์คือ Hank Pym โดยแฮงค์ใส่ชุดที่เขาประดิษย์ขึ้นเพื่อลักลอบเข้าไปทำลายปฎิบัติการขององค์กรร้ายอันนี้ โดยแฮงค์เรียกชุดของเค้าว่า" Ant-Man "
(ชืลด์ไม่รู้นะครับว่าที่ไปทำลายปฎิบัติการนี่คือไฮดร้า เพราะทุกคนบนโลกคิดว่าไฮดร้าตายไปแล้ว ชิลด์คิดว่านี่คือองค์กรร้ายอีกองค์กรนึงเท่านั้น)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น